ผู้เล่นอาชีพ ของ อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ

2011–14: แชมป์รายการมือสมัครเล่น และรอบรองชนะเลิศการแข่งขัน เอทีพี ทัวร์

ในวัย 14 ปี ซเฟเร็ฟเริ่มลงแข่งขันในนามสมาคมเทนนิสอาชีพ ในการแข่งขัน เอทีพี ทัวร์ อย่างเป็นทางการ ในช่วงนั้นเขาลงแข่งขันรอบคัดเลือกสามรายการ รวมถึงโมเซลล์ โอเพน ที่แม็ส แต่ตกรอบโดยแพ้ทุกนัด ก่อนจะคว้าชัยชนะในอาชีพได้เป็นครั้งแรกในรายการที่เยอรมนีใน ค.ศ. 2012 และเข้าชิงชนะเลิศการแข่งขันทางการครั้งแรกในปลายปี 2012 ที่ฟลอริดา[23] ต่อมา ใน ค.ศ. 2013 ซเฟเร็ฟลงแข่งขันในระดับเยาวชนเป็นหลัก และไม่ได้ลงแข่งขันในรายการสำคัญในระดับเอทีพี ทัวร์[24] แต่ยังมีส่วนร่วมในรายการ International German Open ที่บ้านเกิดและแพ้ โรแบร์โต เบาติสตา อากุต จากสเปน ในปีนั้น เขาได้ลงแข่งขันในรายการสมัครเล่น (แชลเลนเจอร์ ทัวร์) เป็นครั้งแรก โดยแพ้ มักซิโม กอนซาเลซ ในการแข่งขันที่ เมียร์บูช เยอรมนี ในเดือนสิงหาคม

ภายหลังชนะเลิศแกรนด์สแลมออสเตรเลียนโอเพนระดับเยาวชน ใน ค.ศ. 2014 ซเฟเร็ฟได้จริงจังกับการลงแข่งในระดับเอทีพี ทัวร์ อย่างเป็นทางการ ทว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จในครึ่งฤดูกาลแรกในปีดังกล่าวเท่าที่ควร โดยมักจะตกรอบแรก ๆ ในการแข่งขันรอบคัดเลือก ก่อนจะเริ่มทำผลงานได้ดีในการแข่งขันมือสมัครเล่นคอร์ตดินที่ ไฮล์บร็อน ก่อนจะขอยอมแพ้เนื่องจากอาการบาดเจ็บในนัดที่พบกับ มิชา ซเฟเร็ฟ พี่ชายของเขา ซเฟเร็ฟคว้าแชมป์ในการแข่งขันของเอทีพี ทัวร์ ครั้งแรกในการแข่งขันสมัครเล่นที่ เบราน์ชไวค์ แม้ว่าก่อนเริ่มการแข่งขันเขาจะคว้าชัยชนะในระดับมือสมัครเล่นได้เพียงนัดเดียว และยังไม่เคยเอาชนะผู้เล่นมือวาง 100 อันดับแรกของโลกมาก่อน แต่เขาสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมรวมถึงการเอาชนะผู้เล่นมือวาง 100 อันดับแรกได้ถึงสามคนในรายการดังกล่าว[25]

ต่อมา ในวัย 17 ปี 2 เดือน ซเฟเร็ฟได้กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 2009 ที่ได้แชมป์รายการมือสมัครเล่น และน้อยที่สุดเป็นอันดับ 12 ตลอดกาล[26] เขายังคงรักษาผลงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยลงแข่งขัน International German Open อีกครั้ง และคว้าชัยได้ถึง 4 นัด รวมถึงการเอาชนะผู้เล่นที่มีออันดับสูงกว่าอย่าง โรบิน ฮาส และคว้าชัยชนะเหนือผู้เล่นมือวาง 20 อันดับแรกของโลกได้เป็นครั้งแรก โดยเอาชนะ มิคาอิล ยูชนี มือวางอันดับ 16 ชาวรัสเซียก่อนจะแพ้ ดาวิต เฟร์เรร์ มือวางอันดับ 7 ของโลกชาวสเปน โดยซเฟเร็ฟทำสถิติเป็นผู้เล่นที่มีอายุเพียง 17 ปี คนแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 2004 ที่เอาชนะผู้เล่นมือวาง 20 อันดับแรกของโลกได้ ต่อจาก รีชาร์ กัสกุแอ ชาวฝรั่งเศสใน ค.ศ. 2004 และเป็นผู้เล่นวัย 17 ปีคนที่สองต่อจาก มาริน ซิลิช ใน ค.ศ. 2006 ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขัน[27] ซเฟเร็ฟมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว โดยทำอันดับโลกจากอันดับ 665 ขึ้นสู่อันดับ 285 ภายหลังคว้าแชมป์การแข่งขันสมัครเล่น และจากการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการ เอทีพี 500 ได้เป็นครั้งแรกทำให้เข้าขึ้นสู่อันดับ 161 ของโลก ก่อนจะปิดฤดูกาลด้วยการเป็นมือวางอันดับ 136[28]

2015: เข้าชิงชนะเลิศประเภทชายคู่ครั้งแรก และขึ้นสู่มือวาง 100 อันดับแรกของโลก

ในช่วงต้นฤดูกาล ซเฟเร็ฟยังมีอันดับต่ำเกินกว่าที่จะได้สิทธิ์ลงแข่งขันรายการ เอทีพี ทัวร์ โดยอัตโนมัติ เป็นเหตุให้เขาจำต้องลงแข่งขันในรายการสมัครเล่นต่อไปถึงเดือนกรกฎาคม และต้องลงแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบแรกในทุกรายการระดับ เอทีพี ทัวร์ และเขาไม่ประสบความสำเร็จในรอบคัดเลือกระดับแกรนด์สแลม แต่ได้ร่วมแข่งขันรายการมาสเตอร์ 1000 ที่ไมแอมี และตกรอบที่สอง[29] และเมื่อเข้าสู่การแข่งขันคอร์ตดิน เขาได้จับคู่กับพี่ชายของเขาลงแข่งขันประเภทคู่ และเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรายการ เทนนิส บีเอ็มดับเบิลยู โอเพน ที่มิวนิก[30] หนึ่งเดือนต่อมา ซเฟเร็ฟคว้าแชมป์รายการชาเลนเจอร์รายการที่สองในอาชีพในรายการ ไฮล์บรอนเนอร์ เนคาร์คัพ ที่ไฮล์บร็อน ส่งผลให้เขาขึ้นสู่ 100 อันดับแรกของโลกเป็นครั้งแรก[31]

จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ซเฟเร็ฟได้สิทธิ์ลงแข่งขันรายการแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกที่วิมเบิลดัน โดยหนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม เขาลงแข่งขันรายการพิเศษ บูเดิล ชาเลนเจอร์ บักกิงแฮมเชอร์ และสร้างความประหลาดใจด้วยการเอาชนะผู้เล่นมือวางอันดับ 1 ของโลกในขณะนั้นอย่าง นอวาก จอกอวิช ไปสองเซตรวด[32] ซเฟเร็ฟลงแข่งขันแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิตที่วิมเบิลดัน และเอาชนะ เตย์มูราซ กาบาชวิลี ในรอบแรก กอนจะแพ้ เดนิส คุดลา ในรอบที่สอง 1–3 เซต และภายหลังหลุดจาก 100 อันดับแรกของโลกเป็นเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เขากลับสู่ 100 อันดับแรกได้อีกครั้งโดยการเข้ารอบรองชนะเลิศรายการ สวีดิช โอเพน ที่สวีเดน[33] ก่อนจะเดินทางไปสหรัฐเพื่อลงแข่งขัน ซิตี โอเพน และเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย[34] ก่อนจะลงแข่งขันแกรนด์สแลมรายการที่สองในอาชีพที่ยูเอสโอเพน และแพ้ให้กับเพื่อนร่วมชาติอย่าง ฟิลิปป์ โคห์ลชไรเบอร์ ไปอย่างสนุก 2–3 เซต[35] เขาปิดฤดูกาลด้วยการเป็นมืออันดับ 83 ของโลก แต่ยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในบรรดามือวาง 100 คนแรกของโลกในปีนั้น ส่งผลให้เขาได้รับรางวัล ผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี[36]

2016: แชมป์อาชีพรายการแรก และขึ้นสู่ 20 อันดับแรกของโลก

ซเฟเร็ฟใน ค.ศ. 2016

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันแกรนด์สแลมออสเตรเลียนโอเพน และตกรอบแรกโดยแพ้มือวางอันดับ 2 ของโลกอย่าง แอนดี มาร์รี ขาดลอย[37] เขาลงแข่งขันรายการ โอเพน ซุด เดอ ฟรองซ์ ที่มงเปอลีเย และเข้ารอบรองชนะเลิศการแข่งขันเอทีพี ทัวร์ ได้เป็นครั้งที่สอง รวมถึงจับคู่กับ มิชา พี่ชายของเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันทางการได้เป็นรายการที่สอง[38] รวมถึงการเอาชนะมือวางอันดับ 13 ของโลกอย่าง มาริน ซิลิช ในประเภทชายเดี่ยว ซึ่งเป็นการเอาชนะผู้เล่นอันดับสูงที่สุดที่ซเฟเร็ฟเคยทำได้จนถึงขณะนั้น[39] เขายังทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องในการแข่งขันรายการมาสเตอร์ 1000 ที่อินเดียนเวลส์ และเอาชนะมือวาง 30 อันดับแรกของโลกได้ถึงสองคน และยังเกือบเอาชนะ ราฟาเอล นาดัล นักเทนนิสชื่อดังได้[40] ตามด้วยการคว้ารองแชมป์ โอเพน เดอ นิส โกต ดาซูร์ ที่นิส แพ้แชมป์เก่าอย่าง ด็อมมินิค ทีม [41] ตามด้วยการแพ้ธีมอีกครั้งในรอบที่ 3 แกรนด์สแลมเฟรนช์โอเพน[42]

"ผมไม่อยากจะเชื่อเลย แทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะมายืนตรงนี้ในฐานะผู้ชนะ เมื่อวานนี้ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ผมไม่คิดว่าจะชนะ มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเมื่อคุณเอาชนะเฟเดอเรอร์ได้ โดยเฉพาะบนคอร์ตหญ้า"

—ซเฟเร็ฟกล่าวหลังจากเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ในการแข่งขันที่ฮัลเล เยอรมนี[43][44]

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันรายการคอร์ตหญ้า ฮัลเล โอเพน ที่เยอรมนี และเขาคว้าชัยชนะที่สำคัญและสร้างชื่อให้แก่ตนเองมากที่สุดในอาชีพนับถึงขณะนั้น ด้วยการเอาชนะยอดผู้เล่นอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ในรอบรองชนะเลิศ และเป็นการหยุดสถิติเข้าชิงชนะเลิศในรายการนี้ 10 สมัยติดต่อกันของเฟเดอเรอร์[45] และเป็นผู้เล่นดาวรุ่งคนแรกในรอบเกือบสิบปีที่เอาชนะเฟเดอเรอร์ได้นับตั้งแต่ แอนดี มาร์รี ทำได้ ทว่าซเวฟเรฟเข้าไปแพ้นักเทนนิสรุ่นพี่อย่าง ฟลอเรียน ไมเออร์ ในรอบชิงชนะเลิศ[46] แต่เขาทำอันดับขึ้นสู่ 30 อันดับแรกของโลกได้เป็นครั้งแรก ก่อนจะตกรอบ 3 ที่วิมเบิลดันโดยแพ้ โทมาช แบร์ดิค 1–3 เซต[47] และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศซิตีโอเพนที่สหรัฐ[48] ก่อนจะตกรอบ 2 ในแกรนด์สแลมยูเอสโอเพน โดยแพ้ แดน อีแวนส์[49]

ซเฟเร็ฟชนะเลิศการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวในระดับ เอทีพี ทัวร์ ครั้งแรกในชีวิตในรายการ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โอเพน ที่รัสเซีย และเอาชนะผู้เล่นมือวางอันดับ 9 ของโลกอย่าง โทมาช แบร์ดิค ได้ รวมถึงเอาชนะมือวางอันดับ 3 ของโลกอย่าง สตาน วาวรีงกา ในรอบชิงชนะเลิศ[50] ต่อมา เขาเอาชนะโดมินิค ธีม ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 9 ของโลกได้ในรายการ ไชนา โอเพน ที่ประเทศจีน ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1986 ที่เอาชนะผู้เล่นมือวาง 10 อันดับแรกของโลกได้สามรายการติดต่อกัน ต่อจาก บอริส เบกเคอร์[51][52] ซเฟเร็ฟลงแข่งขันรายการมาสเตอร์ 1000 ที่เซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้เขาขึ้นสู่มือวาง 20 คนแรกของโลกเป็นครั้งแรก และเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในรอบกว่าทศวรรษที่ทำได้ ต่อจาก นอวาก จอกอวิช (ค.ศ. 2006)[53]

2017: แชมป์มาสเตอร์ 1000 สองรายการ และขึ้นสู่มือวางอันดับ 3 ของโลก

ซเฟเร็ฟในการแข่งขันที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ค.ศ. 2017

ซเฟเร็ฟยังคงยกระดับการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยแพ้นาดัลในออสเตรเลียนโอเพนรอบที่ 3 ไปอย่างสูสี 2–3 เซต[54] และเขาสามารถคว้าแชมป์ โอเพน ซุด เดอ ฟรองซ์ ที่มงเปอลีเย ได้ทั้งในประเภทคู่และประเภทเดี่ยว โดยถือเป็นแชมป์ชายคู่รายการแรกของเขาและพี่ชาย[55] หนึ่งเดือนต่อมา เขาเข้ารอบรองชนะเลิศ เอทีพี ทัวร์ มาสเตอร์ 1000 ได้เป็นครั้งแรกที่ไมแอมี[56]

เข้าสู่การแข่งขันคอร์ตดิน ซเฟเร็ฟ คว้าแชมป์ได้สองรายการได้แก่ เทนนิส บีเอ็มดับเบิลยู โอเพน ที่มิวนิก[57] ตามด้วยการคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 รายการแรกที่โรม เอาชนะ นอวาก จอกอวิช ในรอบชิงชนะเลิศ และถือเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในรอบทศวรรษที่ได้แชมป์มาสเตอร์ 1000 ต่อจากจอกอวิชซึ่งทำได้ใน ค.ศ. 2007 และเป็นผู้เล่นคนแรกที่เกิดในช่วงทศวรรษ 1990 ที่คว้าแชมป์มาสเตอร์ได้ ทำให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่ง 10 อันดับแรกของโลกเป็นครั้งแรก[58][59] แต่เขาตกรอบแรกในเฟรนช์โอเพนอย่างเหนือความคาดหมาย[60] ซเฟเร็ฟพบกับเฟเดอเรอร์ในรายการฮัลเล อีกครั้ง ในรอบชิงชนะเลิศ และเขาเป็นฝ่ายแพ้ไปในครั้งนี้[61] และเขายังจับคู่กับพี่ชายและได้รองแชมป์ในรายการดังกล่าวเช่นกัน[62] ก่อนจะทำผลงานในแกรนด์สแลมวิมเบิลดันได้ดีที่สุดในอาชีพด้วยการเข้าถึงรอบที่ 4 และแพ้ มิลอช ราวนิช 2–3 เซต[63]

ซเฟเร็ฟคว้าแชมป์เพิ่มได้อีกสองรายการในเดือนสิงหาคม ได้แก่ แชมป์ ซิตี โอเพน และรายการมาสเตอร์ 1000 ที่แคนาดา[64] และเขาเอาตัวรอดจากการเสียเปรียบในแต้ม แมตซ์พอยท์ ในนัดที่พบกับ รีชาร์ กัสกุแอ ในรอบแรกที่แคนาดา ซึ่งรวมถึงการตีโต้กันถึง 49 ครั้ง[65] ก่อนจะเอาชนะเฟเดอเรอร์ได้ในรอบชิงชนะเลิศ ถือเป็นผู้เล่นคนแรกนับตั้แต่ ค.ศ. 2007 ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Big 4 และคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 ได้มากกว่าหนึ่งรายการภายในฤดูกาลเดียว[66][67] แต่เขาตกรอบ 2 ในยูเอสโอเพน โดยแพ้ผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง บอร์นา โชริช[68] เขาได้สิทธิ์ลงแข่งขันเอทีพี ไฟนอลกรุงลอนดอน เป็นครั้งแรกในฐานะผู้เล่นมือวาง 8 คนแรกของโลกแต่ตกรอบแบ่งกลุ่มโดยแพ้ในสองนัดสุดท้าย[69][70][71] ซเฟเร็ฟปิดฤดูกาลด้วยการเป็นมือวางอันดับ 3 ของโลก และคว้าแชมป์ได้ถึง 5 จาก 6 รายการที่เข้าชิงชนะเลิศในปีนี้

2018: แชมป์เอทีพี ไฟนอล และรอบก่อนรองชนะเลิศแกรนด์สแลม

ซเฟเร็ฟใน ค.ศ. 2018

ซเฟเร็ฟสามารถรักษาอันดับติด 5 อันดับแรกของโลกได้ตลอดทั้งปี กระนั้น เขายังคงไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับแกรนด์สแลม เขาแพ้ ชุง ฮยอน นักเทนนิสเกาหลีใต้ในรอบที่ 3 ออสเตรเลียนโอเพน เขาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขากดดันตัวเองมากเกินไปในรายการนี้[72] ต่อมา เขาคว้ารองแชมป์รายการมาสเตอร์ที่ไมแอมี โดยแพ้นักเทนนิสเจ้าถิ่นอย่าง จอห์น อิสเนอร์ ซึ่งไม่เคยได้แชมป์มาสเตอร์ 1000 มาก่อน[73] แต่เขากลับมาทำผลงานยอดเยี่ยมในการแข่งขันคอร์ตดิน โดยเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายที่มาสเตอร์ มงเต-การ์โล และคว้าแชมป์มาสเตอร์ใบที่ 3 ได้ที่มาดริด รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศที่โรม[74] ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Big 4 ที่ได้แชมป์มาสเตอร์ 1000 สามรายการ[75] ตามด้วยการป้องกันแชมป์เทนนิส บีเอ็มดับเบิลยู โอเพน และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในระดับแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในการแข่งขัน เฟรนช์ โอเพน โดยแพ้โดมินิค ธีม ซึ่งเขามีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาในระหว่างแข่งขันด้วย[76]

ซเฟเร็ฟตกรอบที่ 3 ในแกรนด์สแลมสองรายการสุดท้ายทั้งในวิมเบิลดันและยูเอสโอเพน[77][78] และยังเข้าชิงชนะเลิศในประเภทคู่ร่วมกับพี่ชายอีกสองรายการ แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้[79][80] เข้าสู่การแข่งขัน เอทีพี ไฟนอล เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมโดยคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยแรก เอาชนะยอดผู้เล่นสองคนอย่างเฟเดอเรอร์และจอกอวิชในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศตามลำดับ[81] ถือเป็นแชมป์ชายเดี่ยวรายการที่ 10 ในอาชีพ และเป็นแชมป์รายการใหญ่ที่สุดที่เขาทำได้ และยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองต่อจากจอกอวิช รวมถึงการเป็นผู้เล่นชาวเยอรมันคนแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1995 ที่ได้แชมป์รายการนี้ และยังเป็นการเอาชนะผู้เล่นมือวางอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก[82][83]

2019: ฟอร์มตก

ซเฟเร็ฟในแกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพน ค.ศ. 2019

ซเฟเร็ฟตกรอบที่ 4 ในออสเตรเลียนโอเพน โดยแพ้ มิลอช ราวนิช ขาดลอย[84] ตามด้วยการคว้ารองแชมป์เม็กซิกัน โอเพน[85] และเขาพบช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยตกรอบแรกในการแข่งขันอีก 6 รายการต่อมา ก่อนจะคืนฟอร์มด้วยการคว้าแชมป์รายการคอร์ตดินที่เจนีวา[86] ซึ่งเป็นแชมป์รายการเดียวของเขาในปีนั้น แต่เขาตกรอบ 8 คนสุดท้ายเฟรนช์โอเพนโดยแพ้จอกอวิช[87] และเขาไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันคอร์ตหญ้า โดยตกรอบ 8 คนสุดท้ายที่ฮัลเล[88] และตกรอบแรกสองรายการทั้งในสตุ๊ตการ์ท โอเพน และวิมเบิลดัน[89] ซเฟเร็ฟอธิบายถึงสาเหตุที่มีผลงานย่ำแย่จากการมีข้อพิพาททางกฎหมายกับแฟนเก่าของเขา[90] เขาเข้ารอบรองชนะเลิศ ฮัมบวร์ค ยูโรเปียนโอเพน และรอบ 8 คนสุดท้าย มาสเตอร์ 1000 ที่แคนาดา[91][92] และยังคงไม่ประสบความสำเร็จในระดับแกรนด์สแลม แม้จะเข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้ายในยูเอสโอเพนเป็นครั้งแรก ทว่าเขาแพ้ให้กับ ดีเอโก ชวาร์ตซ์มัน[93] ส่งผลให้เขาหลุดจาก 5 อันดับแรกของโลกเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ซเฟเร็ฟเอาชนะเฟเดอเรอร์ได้อีกครั้งในการแข่งขันมาสเตอร์ 1000 ที่เซี่ยงไฮ้[94] แต่แพ้ ดานีอิล เมดเวเดฟ ในรอบชิงชนะเลิศ[95] ซึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 6 รายการติดต่อกันในปีนั้น[96] และซเฟเร็ฟไม่สามารถป้องกันแชมป์เอทีพี ไฟนอล ได้ แม้จะเอาชนะทั้งนาดัล และเมดเวเดฟได้ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่เขาแพ้ ด็อมมินิค ทีม คู่แข่งสำคัญในรอบรองชนะเลิศสองเซตรวด[97] และเขาปิดฤดูกาลด้วยตำแหน่งมือวางอันดับ 7 ของโลก[98]


2020: เข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมครั้งแรก

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันรายการแรกในนามทีมชาติเยอรมนีในรายการ เอทีพี คัพ ซึ่งจัดแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกก่อนจะแพ้รวดทั้งสามนัด และเขามีผลงานที่ดีที่สุดในแกรนด์สแลมในขณะนั้นด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศออสเตรเลียนโอเพน ก่อนจะแพ้ธีมไปอีกครั้ง และแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ในระดับแกรนด์สแลมได้ แต่เขาเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ ในการแข่งขันยูเอสโอเพน และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องแพ้คู่ปรับอย่าง ด็อมมินิค ทีม แม้เขาจะเอาชนะได้ก่อนในสองเซตแรก แต่ทีมกลับมาเอาชนะคืนได้ในสามเซตถัดมา จบการแข่งขันด้วยผล 2–3 เซต ทำให้เขาต้องรอคอยแชมป์แกรนด์สแลมแรกต่อไป[99] ซเฟเร็ฟยังเข้าชิงชนะเลิศรายการมาสเตอร์ 1000 ที่ปารีส แต่แพ้เมดเวเดฟ รวมถึงตกรอบแบ่งกลุ่ม (รอบแรก) ในเอทีพี ไฟนอล โดยแพ้จอกอวิช และเมดเวเดฟ (ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนั้น) ไปในสองนัดสุดท้าย[100]

2021: เหรียญทองโอลิมปิก และแชมป์เอทีพี ไฟนอล สมัยที่สอง

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันรายการแรกใน เอทีพี คัพ เดือนกุมภาพันธ์ พาทีมชาติเยอรมนีผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะตกรอบ 8 คนสุดท้ายออสเตรเลียนโอเพน แพ้มือวางอันดับ 1 และแชมป์เก่าอย่างจอกอวิชไป 1–3 เซต แม้เขาจะชนะไปได้ก่อนในเซตแรก แต่เขาคว้าแชมป์รายการที่ 14 ในอาชีพได้ด้วยการเอาชนะ สเตฟาโนส ซิตซีปัส ที่เม็กซิโก[101] แต่ตกรอบมาสเตอร์ 1000 ที่ไมแอมี[102] และแพ้ ดาวิด กอฟแฟง ในรายการคอร์ตดินที่ มงเต-การ์โล[103] และตกรอบการแข่งขันที่มิวนิก โดยแพ้นักเทนนิสมือไร้อันดับ อิลยา อิวาชกา ชาวเบลารุส[104] ก่อนจะคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 รายการที่ 4 ในอาชีพได้ที่กรุงมาดริด โดยเอาชนะผู้เล่นชื่อดังอย่าง ราฟาเอล นาดัล, ด็อมมินิค ทีม รวมถึง มัตเตโอ แบร์เรตตีนี และถือเป็นแชมป์ประเภทชายเดี่ยวรายการที่ 15 ในอาชีพของเขา[105] แต่เขาตกรอบ 8 คนสุดท้ายมาสเตอร์ 1000 ที่กรุงโรมโดยแพ้แชมป์ในครั้งนั้นอย่างนาดัล[106] และไม่ประสบความสำเร็จในเฟรนช์โอเพน แพ้ สเตฟาโนส ซิตซีปัส ในรอบรองชนะเลิศในการแข่งขัน 5 เซต[107]

เข้าสู่การแข่งขันคอร์ตหญ้า ซเฟเร็ฟตกรอบ 8 คนสุดท้ายรายการฮัลเล โดยแพ้แชมป์ในครั้งนั้นอย่าง อูโก อัมแบร์ ชาวฝรั่งเศส และตกรอบ 16 คนสุดท้ายในการแข่งขันวิมเบิลดัน แพ้ผู้เล่นดาวรุ่งชาวแคนาดาซึ่งมีผลงานโดดเด่นอย่าง เฟลิกซ์ โอเฌร์ อาลียาซีม ในการแข่งขัน 5 เซต แต่เขากลับสู่ตำแหน่ง 5 อันดับแรกของโลกได้ในรอบเกือบสองปีในเดือนกรกฎาคม ต่อมา เขาลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่กรุงโตเกียว และเอาชนะมือวางอันดับ 1 ของโลกและของรายการอย่างจอกอวิชไปได้ 2–1 เซต แม้จะแพ้ไปก่อนในเซตแรก[108][109] ปิดท้ายด้วยการเอาชนะ คาเรน คาชานอฟ จากรัสเซียในรอบชิงชนะเลิศสองเซตรวด คว้าเหรียญทองไปครอง[110] ทำสถิติเป็นผู้เล่นชาวเยอรมันคนแรกที่คว้าเหรียญทองเทนนิสโอลิมปิกในประเภทชายเดี่ยว และเป็นเหรียญโอลิมปิกในกีฬาเทนนิสเหรียญแรกในรอบกว่าสองทศวรรษของประเทศเยอรมนี นับตั้งแต่ ทอมมี แฮส คว้าเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ที่ซิดนีย์[111] ตามด้วยการคว้าแชมป์มาสเตอร์ 1000 ใบที่ 5 ในรายการที่ซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ เอาชนะ อันเดรย์ รูเบลฟ ในรอบชิงชนะเลิศ โดยใช้เวลาแข่งขันไปเพียง 59 นาที ถือเป็นนัดที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการ[112]

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันยูเอสโอเพน ก่อนจะแพ้จอกอวิชในรอบรองชนะเลิศ 2–3 เซต แม้จะชนะในเซตแรกไปก่อน หยุดสถิติชนะรวด 16 นัดในทุกรายการ นับตั้งแต่โอลิมปิก 2020[113] ตามด้วยการตกรอบก่อนรองชนะเลิศมาสเตอร์ 1000 ที่อินเดียนเวลส์ สหรัฐ แพ้นักเทนนิสเจ้าถิ่นอย่าง เทย์เลอร์ ฟริตซ์ แม้จะได้เปรียบถึง 2 แมตซ์พอยท์ และเขาคว้าชัยชนะนัดที่ 300 ในอาชีพในการแข่งขันระดับ เอทีพี 500 ที่กรุงเวียนนา ซึ่งเขาคว้าแชมป์ได้ เอาชนะ ฟรานเซส ติอาโฟ ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์รายการที่ 5 ของปี และเป็นแชมป์รายการที 18 ในอาชีพ แต่เขาตกรอบรองชนะเลิศมาสเตอร์ 1000 ที่กรุงปารีส แพ้ ดานิล เมดเวเดฟ ขาดลอย

ซเฟเร็ฟได้สิทธิ์แข่งขันเอทีพี ไฟนอล เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน ซึ่งในปีนี้ได้จัดแข่งขันขึ้นที่ตูรินเป็นครั้งแรก ก่อนจะคว้าแชมป์รายการนี้ได้เป็นสมัยที่สอง เอาชนะผู้เล่นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกอย่าง จอกอวิช และ เมดเวเดฟ ได้ในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศตามลำดับ[114] ส่งผลให้เขาเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ยังเล่นอยู่ในปัจจุบัน นอกเหนือจาก เฟเดอเรอร์ (6 สมัย) และ จอกอวิช (5 สมัย) ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากกว่าหนึ่งสมัย

2022

ซเฟเร็ฟลงแข่งขันรายการแรกที่ เอทีพี คัพ แต่เยอรมนีตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยผลงาน ชนะ 1 และ แพ้ 2[115] ต่อมา เขาลงแข่งขันออสเตรเลียนโอเพนในฐานะมือวางอันดับ 3

ใกล้เคียง

อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ อเล็คซันเดอร์ นือเบิล อเล็คซันเดอร์ ฟ็อน ฮุมบ็อลท์ อเล็คซันเดอร์พลัทซ์ อเล็คซันเดอร์ ฟัน แดร์ เบ็ลเลิน อเล็คซันเดอร์ เจ้าชายแห่งเชาม์บวร์ค-ลิพเพอ อเล็คซันเดอร์ เลอร์ อเล็กซันเดอร์ วินด์เซอร์ เอิร์ลแห่งอัสเตอร์

แหล่งที่มา

WikiPedia: อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/03/kozlov... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/04/itf-ju... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/04/kozlov... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/06/my-wim... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/07/loeb-c... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/09/black-... http://tenniskalamazoo.blogspot.com/2013/12/americ... http://www.protennislive.com/posting/ramr/career_p... http://www.tennis.com/pro-game/2016/06/zverev-beat... http://www.theguardian.com/sport/2016/jan/19/andy-...